วิธีปลูกเลี้ยงรองเท้านารีเหลืองกระบี่ ประสาลิง ภาค 2
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=linglay&date=14-03-2009&group=1&gblog=3 =================================
1.4 หินภูเขาไฟ
แม้การทดลองเลี้ยงเหลืองกระบี่ด้วยกะลาปาลม์เผา ช่วยลดปัญหาการเน่าตายลงได้มากแล้วก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งซึ่งยังขาดอยู่ คือ สารอาหารในเครื่องปลูกที่จะให้กับเหลืองกระบี่ เพื่อลดปัญหาการให้ปุ๋ยทางใบที่ไม่สม่ำเสมอ
ด้วยความไม่มีเวลา ขี้เกียจ และไม่ได้ดูแลเอง ประกอบกับตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมไป กทม.พอดี จึงได้ซื้อหินภูเขาไฟ และไฮโดรตรอนเอามาทดลองใช้ (เริ่มหาเรื่องเสียงตังค์ซื้อวัสดุปลูกไฮโซแล้วตรู)
ด้วยสมมุติฐานประสาลิง ว่า หินภูเขาไฟ มีคุณสมบัติ ที่รักษาความชื้นดี ไม่แฉะ ให้ความเย็น และที่สำคัญน่าจะมีธาตุอาหารบางชนิดในตัวหินเอง และแน่นอนสูตรเดิมใช้โพมหักรองก้นกระถางเพื่อประหยัดเครื่องปลูกด้วย
และช่วยระบายน้ำด้วย
ผลการทดลอง ได้ผลที่ไม่แตกต่างกันมากนักกับการปลูกด้วยกะลาปาลม์เผา ไม่เกิดปัญหาการเน่าตาย แต่ดีกว่าตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาล้างน้ำและแช่น้ำทิ้งไว้นานเหมือนกะลาปาลม์เผา ที่จะต้องล้างเอาคราบดำๆของขี้เถ้าและผงถ่านออก
อย่างไรก็ตามการใช้หินภูเขาไฟก็ควรแช่น้ำทิ้งไว้ซักพักเพื่อให้ได้ดูความชื้นสะสมไว้ก่อน มิฉะนั้น เมื่อเรารดน้ำหินจะดูดความชื้นก่อนรากและหากรดน้ำไม่พอรากก็จะได้รับน้ำน้อยลงไปกว่าที่ควรได้
ข้อสังเกต
* หินภูเขาไฟ เมื่อใช้ไประยะหนึ่งซึ่งนานเป็นปีๆหละ จะเกิดตะไคร่จับ ก็ควรเขี่ยๆเอาออกมาเปลี่ยนก้อนใหม่บ้าง มิฉะนั้นมันจะสะสมเชื้อโรค และหินภูเขาไฟมีลักษณะที่เป็นรูพรุนดูดซับน้ำและปุ๋ยยา จึงต้องเปลี่ยนมันบ้าง ก้อนเก่าๆก็อย่าไปทิ้งเสียดายมันแพง เอาไปแช่น้ำทิ้งไว้นานๆหลายวันหน่อยแล้วผึ่งแดดให้แดดเผาเล่นก็เอามาใช้ใหม่ได้
ปัญหาตรงนี้เอง ที่ทำให้เซียนรองเท้ารุ่นเก่าท่านหนึ่งที่ผมนับถือ ไม่ยอมใช้หินภูเขาไฟ เพราะเซียนท่านนี้ขยันฉีดปุ๋ยทุกอาทิตย์สม่ำเสมอตะไคร่และปุ๋ยยาก็สะสมเร็วทำให้ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ก็คงกลัวจะกระทบราก
** ระบบรากที่เลี้ยงด้วยหินภูเขาไฟถือว่า ได้ผลในระดับที่ดี อวบใหญ่มีขน
รากบางเส้นเจาะทะลุหินภูเขาไฟ
1.5 ไฮโดรตรอน
ไฮโดรตรอน เป็นประมาณเม็ดดินเผา ที่ช่วยรักษาความชื้น ไม่อุ้มน้ำจนทำให้แฉะ เบา และสะอาดกว่าเครื่องปลูกตัวอื่นๆ ไม่เกิดปัญหาวัชพืชแย่งอาหารแต่แพง และใช้ปริมาณมากเมื่อนำมาปลูกเหลืองกระบี่
ผมได้ทดลองกับไฮโดรตรอนเช่นเดียวกัน ก้นกระถางก็รองโฟมหัก แต่เนื่องจากไฮโดรตรอนเบาจึงพยุงลำต้นได้ไม่ดี โดยเฉพาะกับเหลืองกระบี่ที่ใบยาวและโตกว่าพวกเหลืองตรังจึงต้องทำ "เสากระโดงค้ำต้น" "รากเทียม"หรือโรยทับไฮโดรตรอนด้วยกรวดหิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต้นล้ม
ผลการทดลอง อัตราการเน่าตายน้อยมากเรียกได้ว่าน่าจะถือเป็น 0% เชียวหละ แตกกอได้ตามธรรมชาติ แต่ต้องเน้นการให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน เพราะไฮโดรตรอนไม่มีสารอาหารอะไรเลย
ข้อสังเกตุ
*ไฮโดรตรอน มีราคาค่อนข้างสูงแม้จะดีในแง่ที่ไม่เกิดปัญหาการเน่าตาย ก็ตาม แต่การจะทำให้เหลืองกระบี่แตกกอได้ดีมีดอกสวยงาม ท่านต้องมีความเข้มงวดในตัวท่านเองในการให้ปุ๋ยสม่ำเสมอ ซึ่งในทางปฎิบัติน้อยคนนักจะทำได้ ซึ่งไม่ถือว่า บรรลุวัตถุประสงค์ของผม เพราะเป็นคนขี้เกียจเป็นการส่วนตัว จนลามไปถึงคนสวนก็ขี้เกียจตามไปด้วย
**ในความคิดผม หากท่านไม่ใช้ไฮโดรตรอน ก็อาจใช้ขี้ตากระถางหรืออิฐมอญทุบทดแทนกันได้ ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แม้จะดูไม่ไฮโซเท่าไฮโดรตรอน และอาจเกิดปัญหาตะไคร่จับ วัชพืชขึ้นบ้าง และน้ำหนักมากกว่าไฮโดรตรอน เวลาอุ้มกระถางไปประกวด อิอิ แต่น้ำหนักมากก็ดีไม่ต้องหาหินมาโรยทับบน
อย่างไรก็ตาม หากใช้อิฐมอญทุบหรือขี้ตากระถางก็ควรจะทำความสะอาดให้ดีเสียก่อน เพราะมันไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อมาแบบไฮโดรตรอน
1.6 หินปูนทุบ หรือ หินน้ำย้อย(ภาษาใต้)
วันหนึ่ง หลังจากการทดลองด้วยวัสดุต่างๆที่ว่ามา มีพี่คนหนึ่งที่ผมนับถือเป็นเซียนรองเท้ารุ่นเก่าเลยหละ (แต่ไม่ขอเอ่ยนามในที่นี้ ด้วยว่ายังไม่ได้ขออนุญาตกัน) ได้แวะเวียนลงมาเที่ยวกระบี่ และชวนผมลงเรือไปดูรองเท้านารีในธรรมชาติ เพื่อศึกษาว่าเค้าอยู่กันอย่างไรก็นำมาประยุกษ์ใช้กับการปลูกเลี้ยงต่อไป ขากลับพี่ท่านนี้ก็ชวนผมเก็บเศษดินสีแดงๆลักษณะคล้ายๆดินเหนียวเวลาโดนน้ำก็เหนียวมากๆหละ ที่อยู่บริเวณโคนหินปูน ใส่ขวดกลับมา
หลายๆท่านที่เคยซื้อรองเท้าสานภาคใต้ที่เป็นไม้กำ อาจเคยเห็นดินพวกนี้ติดบริเวณโคนต้นมาแล้ว(ผมไม่ได้ยุให้ซื้อไม้กำนะ)
พี่ท่านนี้ก็กรุณาให้ความรู้ว่า ดินพวกนี้ไม่ใช่ดินเหนียว แต่เป็นดินที่เกิดจากการย่อยสลายของหินปูน พี่เค้าเชื่อว่า มันมีธาตุอาหารบางอย่างที่รองเท้านารีต้องการ ซึ่งบางตัวปุ๋ยวิทยาศาสตร์ยังไม่มี เรียกง่ายๆว่าเอามาโรยบางๆเป็นอาหารเสริมหละ
อย่างไรก็ตาม ผมเองก็ไม่ได้ว่างไปเก็บดินพวกนี้มาใช้ แต่ก็เชื่อว่าที่พี่เค้าพูดคงจริง เพราะประสบการณ์พี่เค้าไม่น้อย รองเท้าดีๆก็อยู่ในรังมาก คงไม่คิด
พิเรนเอาไปใช้ถ้าไม่ดีจริง เกิดตายขึ้นมาหน่อหนึ่งก็ไม่ใช่ถูกๆ
เมื่อไม่มีเวลาอย่างที่ว่า ประกอบกับ ที่กระบี่มีการสัมปทานระเบิดภูเขากัน ส่วนที่เป็นหินปูนเค้าไม่ใช้ ทิ้งไปเปล่าๆ ผมก็ให้คนทุบให้และเอามาขายผม
เอามาทดลองปลูกเหลืองกระบี่ ด้วยความคิดว่า เหลืองกระบี่อยู่บนเขาหินปูน หากใช้เป็นส่วนผสมก็คงดี เศษหินปูนที่ถูกทุบบางส่วนก็เป็นผง ถึงไม่ย่อยสลายกลายเป็นดินแดงก็น่าจะแทนกันได้ อย่างน้อยๆก็มีความเป็นเบสอ่อนๆที่รองเท้าสายใต้ชอบหละนา
ผลการทดลอง
ได้ผลเช่นเดียวกับ ใช้อิฐมอญทุบ หรือวัสดุต่างๆที่ไม่ใช่อินทรีวัตถุข้างต้น มีรากบางเส้นมันฝังตัวลงไปในเนื้อหิน เหลืองกระบี่ไม่เน่า ส่วนธาตุอาหารเสริมตามข้อสันนิษฐานข้างบน มันก็คงได้หละ แต่ด้วยว่าเป็นธาตุอาหารเสริม ไม่ใช่อาหารหลักมันก็ต้องดูกันไปนานหน่อย ซึ่งเมื่อนำมาใช้ไม่เกิดปัญหาอะไรก็ใช้มันไปเท่านั้นเอง อย่างน้อยก็เป็นการรีไซเคิลวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์หละ
การใช้หินปูนภูเขาทุบ อย่านำส่วนผงหรือส่วนหินมาวางบนสุดของกระถางเด็ดขาด หากไม่อยากเปลี่ยนเครื่องปลูกบ่อยๆ เพราะตะไคร่จับง่ายมาก และเมื่อตะไคร่จับก็อย่างที่ว่าเชื้อโรคเชื้อราก็เกาะง่ายและก็เน่าตายได้
หากจะใช้ก็ใช้เป็นส่วนผสมในชั้นล่างตรงกลางๆ คือใช้ในส่วนที่แสงแดดลงไม่ถึงจะไม่มีตะไคร่ขึ้นหรือขึ้นก็น้อย
ข้อสังเกตุ
*จากการที่ได้ไปขอความรู้ท่านอ้น (เจ้าของเหลืองกระบี่ต้นไตรมารค AM. และต้นพังงา AM.) ท่านก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า หินปูนภูเขาพวกนี้มีสารอาหารเสริมบางอย่างที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ท่านอ้นก็เชื่อของท่านว่า หินปูนภูเขานี้มีราบางอย่างที่ทำให้กระบี่เน่าตายได้ ซึ่งตรงนี้ ผมค่อนข้างเห็นไม่ตรงกับท่านนัก ผมเชื่อว่าส่วนที่เกิดการเน่าตายน่าจะเป็น เพราะ
1.จุดที่วางเหลืองกระบี่กระถางนั้นไม่กันฝน
2.ท่านใช้อินทรีย์วัตถุมากเกินไป
3.ท่านนำมันมาใช้ส่วนบนสุดของกระถางตะไคร่มันยึดจับได้ง่าย เชื้อโรคเชื้อราก็ตามมา
ประเด็นนี้เมื่อมีการเห็นไม่ตรงกัน ผมปล่อยให้เป็นวิจารณญาณของท่านๆที่เข้ามาอ่านเอานะครับ ผมเพียงนำเสนอ คห.ของท่านอ้น (กูรูเหลืองกระบี่)อีกมุมมองหนึ่งเท่านั้น
1.7 เครื่องปลูก กลุ่ม เปลือกมะพร้าวสับ เปลือกสน ใบก้ามปู เปลือกถั่วลิสง
ขี้วัวแห้ง พีชนัคเก็ท ฯลฯ
เครื่องปลูกพวกนี้ ผมขออนุญาตรวมเป็นชุดเดียวกันทั้งหมด เพราะมันเป็นอินทรีวัตถุ ที่มีสารอาหาร แต่ก็ทำให้เน่าได้ง่าย
ใครก็ตามที่ปลูกด้วยเครื่องปลูกพวกนี้ล้วนๆ นับว่าท่านเป็นนักเสี่ยงโชคตัวยงเชียว เพราะถ้ามันไม่เน่าตายมันงามมากกกกกกก แต่ส่วนใหญ่ไม่ทันได้ 2 ปีตายเกลี้ยง
อันนี้ไม่บรรยายอะไรมากนะครับ บทสรุปชัดๆกันอยู่แล้ว
หมดเรื่องเครื่องปลูกแต่ละตัวแล้ว ต่อไปก็การใช้เครื่องปลูกและวิธีปลูกประสาลิงนะครับ